วันนี้ผมเอาเรื่องหลอนมาฝากกันอีกนะครับ เรื่อง"บ้านนางรำ"

in #thai7 years ago

เล่าโดย : คุณบอย
images.jpeg
เหตุการณ์เกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่ง ในจังหวัดกรุงเทพ เมื่อประมาณสี่ปีที่ผ่านมา คุณบอยเริ่มทำงานเกี่ยวกับกำจัดแมลงกับเพื่อน ได้ประมาณปีกว่าๆ และโชคดีได้คอนแทรคกับลูกค้าคนหนึ่ง ซึ่งอยากให้ทีมคุณบอยเข้าไปดูแลกำจัดแมลงภายในบ้าน คุณบอยก็ได้ตอบตกลง และเข้าไปดูสถานที่ในช่วงเวลาประมาณบ่ายโมง

บ้านหลังนี้ปลูกห่างจากหลังอื่นๆพอสมควร มีต้นกล้วยเรียงรายทั้งสองข้างทาง ตั้งแต่ทางเข้าบ้าน ซึ่งมีแต่ต้นกล้วยทั้งหมด ลักษณะบ้านเก่าพอสมควร มีสองชั้น ชั้นหนึ่งจะเป็นปูนเหมือนบ้านทั่วๆไป ส่วนชั้นสองทำจากไม้ เป็นแบบเรือนไทย มีการแกะลวดลายกนกเหมือนบ้านทรงไทยสมัยก่อน ดูๆแล้วก็เหมือนกับยกเอาบ้านเรือนไทยทั้งหลัง มาประกอบกับบ้านปูน จนเป็นบ้านสองชั้น

บ้านหลังนี้มีคนดูแลอยู่หนึ่งคน เป็นพี่ผู้หญิงวัยกลางคน กับคุณป้าอีกคนนึง อายุประมาณห้าสิบปี ซึ่งเป็นอัมพาต พูดไม่ได้ และไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ ทำได้อย่างเดียวคือขยับลูกกะตา ต้องนั่งอยู่บนรถเข็นตลอดเวลา

จะมีก็แต่คนดูแล ที่ต้องคอยดูแลบ้าน ไปพร้อมๆกับดูแลผู้ป่วยด้วย คุณบอยและเพื่อนเข้าไปแนะนำตัวกับผู้ดูแล จากนั้นก็เข้าไปดูภายในตัวบ้าน ชั้นล่างเป็นบ้านธรรมดาทั่วไป แต่ในส่วนที่เจ้าบ้านจะให้ดูแลคือชั้นสอง

เมื่อคุณบอยเดินขึ้นไปชั้นบน คุณบอยรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที ชั้นสองทำจากไม้ที่มีการแกะลวดลายสวยงาม ดูเก่าและขลังพอสมควร บริเวณบ้านส่วนมากจะเป็นลานโล่งๆ หลังคาทรงสูง มีตู้กระจกตั้งอยู่ข้างฝาบ้านหกตู้ ภายในตู้เต็มไปด้วยชุดนางรำเก่าๆ ทั้งชายและหญิง

คุณบอยถามกับคนดูแลว่า "พี่ ทำไมมีชุดเต็มไปหมดเลย" ผู้ดูแลตอบว่า "ที่นี่สมัยก่อน เป็นสถานที่ที่เอาไว้สอนเกี่ยวกับการฟ้อนรำ มีบรรดาครูๆ มาใช้สถานที่แห่งนี้ สอนเด็กนักเรียนของเค้า"

คุณบอยถามต่อว่า "แล้วชุดพวกนี้ทำไมเค้าไม่เอาไปด้วย" ผู้ดูแลตอบกลับมาว่า "เค้าเอาให้ไว้เป็นที่ระลึก เพราะคุณป้าที่เป็นอัมพาต เอื้อให้ใช้สถานที่ในการสอน โดยที่ไม่เก็บค่าอะไรเลย"

เมื่อคุณบอยและเพื่อนเดินสำรวจบริเวณบ้าน เพื่อวางสโคปงานที่จะต้องทำ และถามคนดูแลว่าสดวกให้ทำงานตอนกี่โมง คนดูแลบอกว่าสดวกให้ทำช่วงกลางคืน คุณบอยและเพื่อนได้ยินเช่นนั้นก็ทำท่าอิดออดเล็กน้อย

เพราะด้วยบรรยากาศของบ้าน ขนาดเป็นตอนกลางวันยังรู้สึกน่าขนลุก แล้วถ้าเป็นตอนกลางคืนไม่อยากจะคิดเลย ว่าจะรู้สึกยังไง คนดูแลเหมือนจะสังเกตอาการของคุณบอยและเพื่อนออก จึงพูดว่า "ช่วยทำหน่อยเถอะ เคยจ้างบริษัทใหญ่ๆแล้ว มีคนมาสำรวจบ้าน แต่ไม่มีที่ไหนเลยที่กล้าทำ"

คุณบอยเริ่มคิดหนัก เพราะทั้งๆที่บริเวณบ้านก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากนัก แต่ทำไมบริษัทใหญ่ๆถึงต้องปฏิเสธ หรือเพราะจะกลัวอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าบางอย่างนั่นมันคืออะไร ช่วงนั้นบริษัทของคุณบอยกำลังเปิดใหม่ๆ ถ้าปฏิเสธลูกค้ามันจะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

คุณบอยจึงถามว่า "พี่ แล้วสดวกเวลาไหนบ้างครับ" ผู้ดูแลบอกว่า "ขอเป็นหลังเที่ยงคืน" คำตอบนี้ทำให้คุณบอยกับเพื่อนรู้สึกเย็นที่สันหลังวาบ คนดูแลให้เหตุผลว่า หลังจากห้าทุ่ม จะพาคุณป้าลงไปนอนที่ชั้นล่าง และตัวเองจะกลับไปนอนที่บ้านอีกหลังหนึ่ง

คุณบอยคิดว่าไหนๆก็มาถึงที่นี่แล้ว จึงจำใจตอบตกลง คิดแค่ว่าคงไม่มีอะไร เพราะว่ามาทำงานเฉยๆ คุณบอยบอกกับคนดูแลว่า ขอเริ่มงานพรุ่งนี้เลย แต่คนดูแลขอเลื่อนไปเป็นอาทิตย์หน้าแทน คุณบอยก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร

เมื่อเวลาผ่านไปจนครบอาทิตย์ คุณบอยและเพื่อนก็เดินทางไปที่บ้านหลังนั้นอีกครั้ง ปรากฏว่าเจอเข้ากับคนดูแลคนใหม่ ซึ่งคนเก่าได้ลาออกไปแล้ว คนดูแลคนใหม่บอกให้ทำงานตามที่ตกลงไว้ได้เลย

พอถึงวันทำงานจริง บรรยากาศแตกต่างจากตอนกลางวันอย่างลิบลับ คุณบอยและเพื่อนต้องขับรถผ่านเข้าไปในสวนมืดๆ เกือบครึ่งกิโลเมตร ซึ่งมีต้นกล้วยขนาบข้างไปตลอดทาง มีลมอ่อนๆพัดอยู่ตลอดเวลา ทำให้ใบกล้วยโยกไหวไปมาทั้งสวน เหมือนมือคนนับพันๆมือ กำลังกวักเรียกให้คุณบอยละเพื่อนเข้าไปหา

คุณบอยพยายามไม่คิดฟุ้งซ่าน เพ่งสติไปในการขับรถ จนไปถึงที่หมาย ตัวบ้านจะตั้งตระหง่านอยู่ท้ายสวน มีต้นกล้วยเป็นฉากด้านข้างและด้านหลัง ดูมืดทึบน่ากลัว ต่างจากที่เคยเห็นเมื่อตอนกลางวันอย่างเทียบกันไม่ได้

คุณบอยจอดรถไว้ที่หน้าบ้าน เห็นคนดูแลยืนรออยู่ที่หน้าประตูบ้านพอดี ซึ่งคุณบอยมองดูแล้วก็ต้องรู้สึกสงสัย ว่าทำไมต้องออกมายืนรอข้างนอกมืดๆแบบนี้คนเดียว คุณบอยและเพื่อนก้าวลงจากรถแล้วเดินตรงเข้าไปหา

คนดูแลยื่นกุญแจบ้านให้คุณบอย และพูดแค่ว่า "เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันนะ เสร็จแล้วล็อคบ้านให้พี่ด้วย" จากนั้นก็ขี่รถกลับออกไปทางหน้าบ้าน คุณบอยคิดแค่ว่ารีบทำให้มันเสร็จๆดีกว่า จะได้รีบกลับ จึงเดินเข้าไปในบ้านกับเพื่อน

สิ่งแรกที่เห็นหลังจากก้าวเข้ามาในบ้านคือ คุณป้าที่เป็นอัมพาตนอนอยู่บนเตียงกลางบ้าน มีแสงไฟอ่อนๆ จากโคมไฟบนโต๊ะข้างๆที่นอน ส่องให้เห็นแค่บริเวณตรงกลางของบ้าน คุณบอยมองดูแล้วก็ต้องรู้สึกแปลกใจ ว่าทำไมเจ้าของบ้านถึงปล่อยให้คุณป้า ซึ่งเป็นอัมพาตนอนอยู่คนเดียว ไร้คนดูแลในตอนกลางคืน

คุณบอยและเพื่อนเดินเลี้ยวขวา ขึ้นบันไดไปที่ชั้นบนอย่างช้าๆ เพราะบริเวณนี้ค่อนข้างมืดมาก ในขณะที่กำลังเดินขึ้นบันได หูก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดัง "ตึ้ง!!" คุณบอยกับเพื่อนชะงักเท้าทันที แต่ตอนนั้นยังคงจับทิศทางของเสียงไม่ได้

จนมันดังขึ้นอีกครั้ง "ตึ้ง!!" ครั้งนี้คุณบอยรู้ขึ้นมาทันที ว่าเสียงมันดังมาจากแถวๆที่คุณป้านอนอยู่ คุณบอยจึงเหลียวไปมอง ปรากฏว่าเห็นขาทั้งสองข้างของคุณป้า ยกสูงขึ้น แล้วหล่นลงกระแทกกับเตียงนอนดัง "ตึ้ง!!"

ลักษณะคล้ายๆกับคนนอนเหยียดตัวตรง แล้วยกขาทั้งสองข้างขึ้น แล้วก็ปล่อยลงมากระแทกกับเตียง เพื่อนตกใจ พูดขึ้นว่า "เฮ้ย ป้าเค้าไม่ได้เป็นอัมพาตนี่ ลองคุยกับป้าเค้าดูหน่อยมั้ย"

คุณบอยกับเพื่อนค่อยๆเดินเข้าไปหา แต่ปรากฏว่าเห็นคุณป้ากำลังหลับสนิท ไม่มีอากัปกิริยาที่จะสามารถยกขาขึ้นมาเองได้ ทำให้คุณบอยและเพื่อนรู้สึกงงมาก ไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

คุณบอยเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี จึงบอกกันเพื่อนว่า "รีบๆทำงานดีกว่า นี่มันจะตีหนึ่งแล้ว จะได้รีบกลับ ไม่อยากอยู่ที่นี่นาน" ทั้งสองคนจึงเดินตรงไปที่บันได ในขณะที่กำลังเดินขึ้นไปชั้นบน กลับได้ยินเหมือนมีเสียงคนเดินอยู่ข้างบน

ลักษณะการเดินเหมือนเดินแบบซอยเท้าถี่ๆ โดยใช้ส้นเท้าเดิน "ตึกๆๆๆ" แต่เสียงมันไม่ได้ดังมากนัก แต่เนื่องจากบริเวณโดยรอบของบ้านค่อนข้างเงียบมาก จึงทำให้ได้ยินอย่างชัดเจน

คุณบอยมองขึ้นไปบนปลายบันไดที่มืดทึบ นึกในใจว่าต้องมีคนอยู่ข้างบนแน่ ค่อยๆเดินย่องขึ้นบันไดทีละขั้น โดยมีเพื่อนเดินตามอยู่ข้างๆ เสียงมันเริ่มดังถี่ขึ้น จนเหมือนกับว่าไม่ได้มีแค่คนเดียว

คุณบอยค่อยๆชะเง้อหน้าขึ้นไปมอง บริเวณชั้นสองค่อนข้างมืดมาก แต่เหมือนมีอะไรสักอย่างกำลังขยับเขยื่อนอยู่ในความมืด ตรงลานกลางบ้าน คุณบอยพยายามเพ่งมองดูสักพัก เห็นเป็นนางรำประมาณสี่คน กำลังกางแขนซอยเท้ารำอยู่บนลานกลางบ้าน

ทั้งสี่คนสวมชุดนางรำไทยโบราณสวยงาม และสวมชฎาบนหัว เต้นรำกันอย่างพร้อมเพียง เหมือนกับว่าซ้อมเต้นกันมาหลายครั้งแล้ว เพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆก็พูดขึ้นว่า "ใครมาซ่อมเต้นอะไรดึกดื่นป่านนี้" แต่คุณบอยกลับคิดว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าตอนนี้ เหมือนกับว่าไม่ใช่คน

เพราะถ้าเพ่งมองดูดีๆ จะเห็นว่านางรำทุกคนไม่มีหน้า เห็นเป็นสีดำๆแทน แต่สีผิวเห็นเป็นสีขาว เหมือนผ่านการอาบแป้งมาทุกคน จังหวะนั้นเอง สายตาของคุณบอยก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่ง สวมหัวโขน เดินออกมาจากตู้เสื้อผ้า แล้วมายืนรำอยู่ข้างๆนางรำทั้งสี่คน

คุณบอยรู้สึกขนลุกต่อภาพที่เห็น ตอนนั้นแน่ใจแล้วว่า สิ่งที่อยู่ตรงหน้าต้องไม่ใช่คนแน่ๆ อยากจะวิ่งลงไปข้างล่าง แต่ขามันตายสนิทเพราะความกลัว ผู้ชายที่สวมหัวโขน ยืนเต้นรำโดยหันข้างให้คุณบอย ค่อยๆซอยเท้าเข้ามาหาคุณบอยเรื่อยๆ ในท่าหันข้าง

คุณบอยรู้สึกกลัวจนจับใจ หัวใจเต้นแรงเหมือนมันจะทะลุออกมานอกอก สักพักต่อมา อยู่ๆนางรำทั้งชายหญิงก็หยุดนิ่ง ยืนมองมาตรงบันได ที่ที่คุณบอยและเพื่อนแอบดูอยู่ แล้วตะโกนเสียงดังใส่หน้าว่า "มึงมองอะไร!!"

คุณบอยสะดุ้งจนได้สติ รีบวิ่งลงบันได โดยมีเพื่อนวิ่งตามหลังมาติดๆ พอมาถึงประตูบ้าน ก็ต้องรู้สึกใจหายวูบ เพราะประตูมันเปิดไม่ออก คุณบอยพยายามเขย่าประตู พร้อมกับเหลียวกับไปมองที่บันได กลัวว่าจะมีอะไรตามลงมาด้วย

แต่สิ่งที่คุณบอยเห็นคือ คุณป้ากำลังนั่งอยู่บนเตียง จ้องมาทางคุณบอย แล้วพูดเบาๆว่า "กลับกันแล้วเหรอ" คุณบอยมองตาค้าง คนที่เป็นอัมพาตจะลุกขึ้นมานั่งแบบนั้นได้ยังไง

แต่ก็อยู่ในอาการตกตะลึงได้ไม่นาน เพราะได้ยินเสียงเหมือนคนซอยเท้าบนชั้นสอง ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ถ้าขืนช้าไปกว่านี้ นางรำข้างบน คงจะเดินเรียงแถวกันลงมาข้างล่างเป็นแน่ คุณบอยทนไม่ไหน ถีบประตูจนกลอนหลุดกระเด็น วิ่งพรวดออกจากบ้าน กระโดดขึ้นรถ แล้วเหยียบออกจากบ้านหลังนั้นทันที

ระหว่างทางกลับ คุณบอยกับเพื่อนไม่พูดอะไรกันเลยแม้แต่คำเดียว จนวันรุ่งขึ้น ก็ได้กลับมาที่บ้านหลังนี้อีกครั้ง เห็นคุณป้านอนอยู่บนเตียงเหมือนเดิม คุณบอยพยายามเล่าเรื่องเมื่อคืนให้คนดูแลฟัง

แต่คนดูแลกลับบอกว่า "เป็นไปไม่ได้ ป้าเค้าเป็นแบบนี้มาตั้งหลายปีแล้ว จะขยับตัวไม่ได้" ด้วยความสงสัย คุณบอยจึงติดต่อไปหาเจ้าของบ้าน แล้วเล่าทุกๆอย่างให้ฟัง ทางเจ้าของบ้านบอกว่า "สงสัยจะเป็นพี่ผู้ชายคนเก่า ยังคงมาวนเวียนดูแลคุณป้าอยู่"

คุณบอยสงสัยตรงคำว่าวนเวียน จึงถามว่ามันคืออะไร ก็ได้รับคำตอบว่า สมัยก่อน มีคนดูแลคนหนึ่ง ซึ่งเป็นโรคประสาท ชอบยกเท้าคุณป้าขึ้นแล้วเหวี่ยงลง พักหลังเจ้าของบ้านทราบเรื่อง ก็เลยไล่ออก และห้ามเข้ามาในบ้านอีก

ซึ่งตัวเค้าเองกลับรู้สึกว่ารับไม่ได้ หรืออะไรก็แล้วแต่ จึงได้มาผูกคอตายอยู่ตรงบันได และตอนที่เจ้าของบ้านมาเห็นศพ รู้สึกตกใจมาก เพราะตาของศพจ้องเขม็งไปตรงที่คุณป้ากำลังนอนอยู่

เจ้าของบ้านยังบอกอีกว่า ปกติคุณป้าจะขยับตัวลุกขึ้นนั่งไม่ได้ และพูดไม่ได้ เพราะงั้นสิ่งที่คุณบอยกับเพื่อนเห็น คงจะไม่ใช่คุณป้าแน่นอน ส่วนสิ่งที่อยู่บนชั้นสอง มันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ที่เห็นแค่นั้นยังน้อยไป เพราะบนชั้นสองมีมากกว่านั้นเยอะ

พอคุณบอยได้ยินแบบนี้ ก็เลยขอปฏิเสธที่จะทำงานตอนกลางคืน แต่ขอทำตอนกลางวันแทน ทางเจ้าของบ้านก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร และจะมาช่วยยืนคุมงานด้วย และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด